สเปนรณรงค์ดึง 'Digital Nomad' มาตั้งรกรากในหมู่บ้านชนบทที่เริ่มร้างผู้คน
ปัญหาการขยายตัวของเมืองใหญ่ในประเทศต่างๆ ทำให้พื้นที่ชนบทกลายมาเป็นแผ่นดินร้าง เพราะคนรุ่นใหม่ย้ายออกไปกันอย่างต่อเนื่อง และประเด็นนี้กลายมาเป็นที่มาของแผนรณรงค์ใหม่ของสเปนเพื่อหวังพลิกฟื้นหมู่บ้านห่างไกลให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งแล้ว
หมู่บ้านตามชนบทของประเทศสเปนกำลังจะตายลงอย่างช้าๆ หลังจากที่คนในท้องถิ่นอพยพออกจากบริเวณนั้นมานานแล้ว แต่หมู่บ้าน Sárnago หวังว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงชะตากรรมนี้ได้
Sárnago ตั้งอยู่ในพื้นที่ๆ เป็นภูเขาของโซเรียทางตอนเหนือของกรุงมาดริด เคยมีคนอาศัยอยู่มากที่สุด 462 คนในปีค.ศ. 1950 โดยส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม แต่ในที่สุด สิ่งล่อใจของการใช้ชีวิตในเมืองและงานที่ได้รับค่าตอบแทนที่ดีกว่า ก็ทำให้หมู่บ้านนี้ต้องสูญเสียผู้คนทั้งหมดไป โดยชาวบ้านคนสุดท้ายออกจากหมู่บ้านไปเมื่อปี 1979
บรรดานักรณรงค์กำลังพยายามช่วยชีวิตหมู่บ้านแห่งนี้ด้วยการดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน จนตอนนี้มีคนอาศัยอยู่ถาวร 5 คน และมีอีกหลายๆ คนที่มาทำงานแบบจากระยะไกลหรือมาเพื่อพักเป็นระยะเวลาสั้นๆ
สเปนหวังที่จะช่วยรักษาชุมชนที่ต้องดิ้นรนอย่างหมู่บ้าน Sárnago นี้ไว้โดยการให้วีซ่าและเสนอสิ่งจูงใจในเรื่องภาษีให้แก่ “Digital Nomad” หรือคนทำงานด้านดิจิตัลและใช้ชีวิตแบบคนพเนจร ซึ่งสามารถทำงานจากแล็ปท็อปของตนที่ไหนก็ได้ในโลก เพื่อส่งเสริมให้คนเหล่านั้นมาอาศัยอยู่ในสิ่งที่หลายๆ คนเรียกกันว่า España Vacia หรือ "Empty Spain"
ทั้งนี้ ร่างกฎหมาย start-up จะเสนอวีซ่า 12 เดือนแก่ผู้คนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในสหภาพยุโรป และเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ที่มีการนำวีซ่าสำหรับคนพเนจรมาใช้ สเปนต้องการดึงดูดแรงงานต่างชาติด้วยอัตราภาษีขั้นต่ำ กล่าวคือคนงานเหล่านั้นจะเสียภาษีเงินได้เพีบง 24% สำหรับรายได้สูงสุดถึง 711,000 ดอลลาร์ต่อปีในฐานะที่ไม่ได้เป็นพลเมืองสเปน เมื่อเทียบกับชาวสเปนที่ต้องเสียภาษีสูงถึง 45% โดยขึ้นอยู่กับรายได้ของบุคคล ข้อมูลดังกล่าวมาจากกระทรวงการคลังของสเปน
เมื่อได้อาศัยอยู่และทำงานในสเปนแล้ว คนเหล่านั้นก็สามารถยื่นขอใบอนุญาตพำนักอาศัยในประเทศ เพื่อขยายเวลาการอยู่อาศัยได้เป็น 2 ปี และยังสามารถต่ออายุได้อีก 2 ปีด้วย
กฎหมายดังกล่าวที่ยังอาจมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองใหญ่ๆ ทุกพรรค ซึ่งเป็นความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมในพื้นที่ชนบทของสเปน
ข้อมูลของสถาบันสถิติแห่งชาติของประเทศระบุว่า ในบรรดาเขตเทศบาล 8,131 แห่งของสเปน มีอยู่ 3,403 แห่ง หรือเป็นอัตราส่วน 43% ที่เสี่ยงต่อการตายลง
นอกจากนี้แล้ว สเปนยังต้องการส่งเสริมให้บริษัทต่างๆ และบรรดาผู้ประกอบการนำการลงทุนที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดไปยังพื้นที่ชนบทของประเทศที่กำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอีกด้วย
แล้วกลุ่มคนที่เรียกว่า Digital Nomad จะถูกดึงดูดให้มาอาศัยในหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกลอย่าง Sárnago ได้หรือไม่?
José María Carrascosa ประธานสมาคม Friends of Sárnago กล่าวว่าเขาหวังว่าจะสามารถดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ได้อย่างน้อยสักระยะหนึ่ง และว่าที่หมู่บ้านนี้มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเครือข่าย 4G ที่ดีพอสมควรสำหรับพื้นที่ชนบท ซึ่งช่วยให้สามารถส่งอีเมลได้ แต่การประชุมผ่าน Zoom ยังคงเป็นปัญหาอยู่ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ๆ สามารถทำงานร่วมกันได้อีกด้วย
Carrascosa กล่าวด้วยว่าผู้ที่จะเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านนี้ควรเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตทางสังคมที่เงียบสงบ บาร์ที่มีอยู่เพียงแห่งเดียวปิดตัวไปเมื่อหลายปีก่อน ส่วนโรงเรียนและร้านค้าที่ใกล้ที่สุดก็ต้องขับรถเป็นระยะทาง 5 กิโลเมตรไปที่หมู่บ้านที่ใหญ่กว่า
ทั้งนี้ Sárnago เป็น 1 ใน 30 หมู่บ้านที่กำลังจะตายที่เข้าร่วมเครือข่ายแห่งชาติ National Network of Welcoming Villages for Remote Workers หรือ RNPAT ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำงานร่วมกับรัฐบาลสเปนเพื่อดึงดูดคนทำงานให้มาอาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบท
Ricardo Ortega ประธานเครือข่าย RNPAT กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ VOA ว่าผู้คนมีความกระตือรือร้นในการทำงานออนไลน์มากขึ้นเนื่องจากการเกิดโรคระบาดใหญ่ โดยจะเห็นว่ามีการย้ายจากเมืองไปยังหมู่บ้านเล็กๆ กันมากขึ้น
เขาเชื่อว่าการให้วีซ่าประเภทนี้ อาจช่วยดึงดูดผู้คนให้มาสนุกกับวิถีชีวิตแบบสเปน ซึ่งห่างไกลจากเมืองและชายฝั่ง เพื่อจะได้สัมผัสสเปนอย่างแท้จริง
Tim Acheson ผู้เชี่ยวชาญด้านฟินเทคชาวอังกฤษและภรรยาเพิ่งจะซื้อทาวน์เฮาส์ใน María หมู่บ้านที่มีประชากรอาศัยอยู่ 1,000 คนทางตะวันออกเฉียงใต้ของสเปน ทั้งคู่เดินทางจากลอนดอนไปสเปนเดือนละครั้ง และตอนนี้กำลังตัดสินใจที่จะย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่แบบถาวร
เขาบอกกับ VOA ว่าอินเทอร์เน็ตใน María ดีกว่าที่ลอนดอนเสียอีก และว่าบ้านของเขาต้องใช้เวลาขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงจากสนามบิน Alicante ในหมู่บ้านนี้ไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษเลย แต่เขาและภรรยาก็เรียนรู้ภาษาได้อย่างรวดเร็วและทุกคนล้วนป็นมิตรกับพวกเขา
Acheson และภรรยาของเขาได้กลายเป็นผู้อยู่อาศัยในสเปนแบบถูกต้องตามกฎหมายเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่สามารถใช้ประโยชน์จาก nomad visa ได้อย่างเต็มที่ แต่เขาก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสเปนจะทำให้วีซ่าประเภทนี้สามารถใช้ได้จริง เพราะสเปนมีระบบอินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปและยังมีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกด้วย